วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อยากเปิดร้านกาแฟ ควรศึกษาอะไรมั่ง

หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องเป็น ธุรกิจร้านกาแฟ


คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าโอกาสทางธุรกิจของร้านกาแฟนั้น ได้ปิดลงไปแล้วตั้งแต่ 4-5 ปีที่แล้ว แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นนั้น สวนทางกับความคิดของคนส่วนใหญ่ เพราะธุรกิจร้านกาแฟนั้น ยังคงเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง และร้านกาแฟที่เปิดใหม่ก็ยังมีอยู่มากมาย และสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องด้วย
สิ่งที่ค้านความรู้สึก และความเห็นของคนส่วนใหญ่ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมกาแฟนั้น เกิดขึ้นเพราะ Lifestyle ของคนทำงานที่ยังคงชื่นชอบการดื่มกาแฟไม่เปลี่ยนไปดื่มอย่างอื่นแทน รวมไปถึงพฤติกรรมของคนกลุ่มอื่น เช่น วัยรุ่น วัยเรียน มักมองวหาการเปลี่ยนบรรยากาศ และไปนั่งชิวๆ ในร้านกาแฟ ปล่อยใจสบาย ตามความคิด หรือไปเป็นกลุ่ม เพลงเบาๆ อ่านหนังสือ
การทำให้ธุรกิจร้านกาแฟ ยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มีอนาคตที่สดใส ตลาดยังต้องการผู้ประกอบการรายใหม่ที่เจ๋งๆ เข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ขาด ผู้บริโภคยังต้องการอะไรที่มันหลากหลายกว่าการไปร้านดังๆ อย่างพพวก Starbuck, Coffee World และ Black Canyon หรือกาแฟตามปั๊มน้ำมันอย่าง Amazon Coffee อย่างแน่นอน
อยากเปิดร้านกาแฟ ควรศึกษาอะไรมั่ง
อยากเปิดร้านกาแฟ ควรศึกษาอะไรมั่ง

รูปแบบของธุรกิจร้านกาแฟ

ธุรกิจร้านกาแฟสามารถแบ่งได้ 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. ซุ้มขายกาแฟ ร้านกาแฟแบบนี้ เป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้น การบริหารจัดการ เนื่องจากใช้คนเพียงคนเดียวก็ดูแลได้แล้ว และใช้เงินลงทุนต่ำที่สุด แต่อย่าประมาทรูปแบบร้านกาแฟแบบนี้โดยเด็ดขาด อีกอย่างร้านแบบนี้จะขายดีมากในช่วงเวลาเร่งด่วน สำหรับในทำเลทองแล้วบางร้านรายได้ต่อเดือนสูงกว่าแบบอื่นๆก็ได้
2. ร้านกาแฟ ขายขนม และไอศครีม ส่วนร้านกาแฟรูปแบบนี้ร้านมักจะเน้นไปที่การสร้างบรรยากาศให้ดูน่านั่ง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละร้านที่แตกต่างกันออกไป ร้านกาแฟแบบนี้ ลูกค้าอาจจะนั่งนาน และใช้ประโยชน์บางอย่างจากร้านกาแฟ เช่น นักศึกษาเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งอ่านหนังสือที่ร้าน หรือคนทำงานมานั่งจิบกาแฟชิวๆ แล้วนั่งทำงานไปด้วย รูปแบบนี้ จึงสามารถคิดค่ากาแฟได้แพงกว่าแบบแรก
3. ร้านกาแฟรูปแบบอื่นอย่าง ขายหนังสือ หรือไม่ก็เป็น Internet Cafe นี่เป็นร้านกาแฟอีกรูปแบบหนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสร้างกลุ่มลูกค้าเฉพาะของร้าน ซึ่งมักจะเป็นขาประจำ ที่มาเพื่อฆ่าเวลา นัดกับเพื่อนๆ มาสังสรรค์กับพรรคพวกที่ชอบอะไรเหมือนๆ กันในรูปแบบนี้การใช้พื้นที่จะคุ้มค่ามาก เพราะว่าขายทั้งกาแฟ และสินค้าอื่นประกอบไปด้วย แม้ว่าบางครั้งลูกค้าจะนั่งนานไปบ้าง แต่ราคาขายกาแฟที่แพง ก็ชดเชยไปได้
4. ร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟ ร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟเป็นรูปแบบที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างจะมีสตางค์ และมีเวลาชงกาแฟกินเอง หรือบางคนที่มองว่า การชงกาแฟเป็นงานอดิเรก และสนุกกับการเล่นกับอุปกรณ์การชงกาแฟ หรือค้นหารสชาติใหม่ๆ ที่เกิดจากการชงกาแฟ กำลังซื้อที่สูงของลูกค้ากลุ่มนี้ ตอบรับกับราคาสินค้าที่สูงของร้านกาแฟชนิดนี้ได้อย่างสบายๆ

จุดเด่นของธุรกิจร้านกาแฟ

1. คนเดียวก็ลุยได้ ถ้าคุณตั้งใจเปิดซุ้มกาแฟเล็กๆ ก็ไม่จำเป็นต้องจ้างคนให้วุ่นวาย เพราะเป็นธุรกิจที่คนๆ เดียวก็สามารถดูแลร้านได้อย่างสบายๆ ชงเอง เก็บตังเอง รับตังเอง ไม่ต้องแบ่งใคร ไม่ต้องปวดหัวเรื่องลูกจ้างจะมาไม่มา จะเปิดร้านได้หรือไม่
2. คนกินได้ทุกวันไม่มีเบื่อ สำหรับคนในวัยทำงานแล้ว กาแฟเป็นเหมือนยาเสพติดเลยทีเดียว พวกเค้ามักจะรู้สึกว่าขาดกาแฟไม่ได้เลยแม้แต่วันเดียว และกินวันนึงมากกว่า 1 แก้วซะด้วย เพราะฉะนั้นหากร้านกาแฟของคุณได้ลูกค้าประจำซัก 1 คนแล้ว รับรองว่าเค้าจะมากินกาแฟร้านคุณทุกวัน แบบไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว
3.ใช้เงินลงทุนน้อย ธุรกิจร้านกาแฟ เป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจที่ขายอาหารประเภทอื่นๆ และมีเมนูอาหารที่น้อย ทำให้ไม่จำเป็นต้องมี Stock วัตถุดิบมากมายเหมือนกับ ธุรกิจร้านอาหารแบบอื่นๆ และการตกแต่งร้านก็ใช้เงินน้อยเช่นเดียวกัน
4. แม้จะจ้างพนักงานก็ไม่ต้องปวดหัวมาก ธุรกิจส่วนใหญ่มักจะกังวลมาก หากว่ามีพนักงานลาออก เพราะต้องหาคนมาแทน และต้องเสียเวลา กับเงินทองไปกับการอบรมพนักงานใหม่ เพื่อให้ปฏิบัติงานได้เหมือนกับคนที่ลาออกไป แต่สำหรับธุรกิจร้านกาแฟแล้ว การอบรมพนักงานให้ชงกาแฟเป็นนั้นง่ายมาก เสียเวลาน้อย ทำงานทดแทนคนที่ออกไปได้ทันที
5. เข้ากับ Lifestyle ของคนทำงาน กาแฟทำให้ผู้ดื่ม รู้สึกสดชื่น กระปี้กระเปร่า จึงเหมาะ และเข้ากับ Lifestyle ของคนทำงาน ที่บางครั้งอาจจะรู้สึกง่วงเหงาหาวนอน ในเวลาทำงาน กาแฟเป็นเหมือนหนึ่งในสิ่งที่คนทำงานขาดไม่ได้ ต้องดื่มอย่างเป็นประจำ และยังเป็นการผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานวิธีหนึ่งด้วย
ใครที่อยากเปิดร้านสามารถศึกษาได้ที่นี่ coffee_shop

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เบอร์ 1 แห่งตลาดน้ำดำศึกของเป๊ปซี่ กับ เอส

วิเคราะทำไม เป๊ปซี่ กับ เอส อันไหนน่าจะรุ่ง

ในฐานะที่ Admin page ชอบ โค๊ก ดังนั้นขอรับรองว่าไม่มีส่วนได้เสีย หรือเชียร์ใครแน่นอน จากเดิมที่เสริมสุขผลิต เป๊ปซี่ โดยแบ่งกำไรกันและเกิดขัดแย้งทางธุรกิจ จนเป็นเหตุให้เกิดเครื่องดื่นหน้าใหม่ขึ้นในตลาดชื่อว่า เอส แต่เจ้าใหญ่อย่าง เป๊ปซี่ กับหายไปจากตลาด เพราะทางเสริมสุขไม่ผลิตสินค้าให้แต่ซื้อแฟรนไชส์ของเอสมาผลิตเอง แต่หลายคนเข้าใจว่า เสริมสุขได้สูตรของ เป๊ปซี่ และผลิตออกมาเอง แต่เรื่องจริงไม่ใช่
ต้นเหตุแห่งความขัดแย้งกันก็คงจะไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดจึงไม่ขอกล่าวถึงละกัน
เบอร์ 1 แห่งตลาดน้ำดำศึกของเป๊ปซี่ กับ เอส
เบอร์ 1 แห่งตลาดน้ำดำศึกของเป๊ปซี่ กับ เอส
แล้วเป๊ปซี่กลับมาอยู่ในตลาดได้อย่างไร
ด้วยความที่ เป๊ปซี่ เป็นบริษัทที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของตลาดน้ำดำ จึงไม่อยากที่จะกลับมาโตโดยขาของตนเอง และไม่ใช่เรื่องอยากสำหรับ เป๊ปซี่ โดยบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ทุ่มงบลงทุนกว่า 5 พันล้านบาท ในการจัดตั้งโรงงานใหม่และผลิตเองโดยหลังว่าจะกลับมาครองตลาดอีกครั้ง และก็เหมือนว่าจะเริ่มทำได้แล้ว
เสริมสุขได้อะไรจากการไม่ผลิตให้เป๊ปซี่
ได้ฐานลูกค้าเดิมครับ ได้ร้านค้าเดิมทั้งหมดที่เคยส่งให้แต่เรื่องของยอดขายไม่แน่ใจว่าอย่างไร แต่เห็นหลายคนก็ชอบ แต่บางคนบอกกลิ่นเหมือนกินน้ำมันมวย
แล้วเป๊ปซี่จะทวงคือตลาดได้ไหม
ตอนนี้เป๊ปซี่กลับมาอยู่ในสารบบตลาด แล้วและเดิมความนิยมจะกลับมาเหมือนเดิม เพราะสามยี่ห้อ เรียกได้ว่ามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง โค๊ก เป๊ปซี่ เอส แต่ละตัวไม่มีใครเหมือนกันเลย ทั้งเรื่องของรสชาติ ความซ่า และใช้บริการขนส่งของ DHL เรียกได้ว่าร่วมมือกับเจ้าแห่งการขนส่ง และตอนนี้ครองร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ได้เรียบร้อย
แต่ที่น่าเสียดายคือตู้แช่ที่เสียให้กับผู้ผลิตเดิม แต่ตอนนี้ เป๊ปซี่ ก็ออกตู้แช่ใหม่มาและผมทราบมาว่าประหยัดพลังงานกว่าเดิม และตัวนี่น่าจะเป็นการต่อลองทางการตลาดได้อีกอย่าง
ตอนนี้เรียกว่า เป๊ปซี่ ตีตื้นขึ้นมามากหลังจากที่ตกต่ำจากการโดนตีหัว ยิ่งได้รับความร่วมมือ จากขนมขบเคี้ยวเบอร์ 1 อย่างเลย์ อยู่ในพอร์ต นอก จากนั้น ยังมี ทวิสตี้, ตะวัน, ซันไบทส์, ชีโตส, โดริโตส และข้าวโอ๊ตเควกเกอร์ จึงไม่ยากเลยที่จะกลับมาครองตำแหน่ง แต่ผมก็ยังรัก โค๊ก เหมือนเดิมเพราะเรื่องของรสชาติมันแทนกันยากผมว่า

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หยุดความไม่เคยพอ กับดักความรวย

จงห่างจาก "ความไม่เคยพอ กับดักความรวย"


เชื่อไหมหลายคนหลงเข้าไปติดกับดักเพราะอยากรวยและยิ่งนักเข้าไปอีกถ้ามีความโลภพ่วงท้าย ใครๆ ก็อยากรวยแต่มีน้อยคนนักที่จำกัดความรวยตัวเองไว้อย่างมีเป้าหมายเช่น100,000หรือ1,000,000สิบล้าน,ร้อยล้าน........อินฟีนิตี้ไม่มีที่สิ้นสุดจึงไม่รวยเสียที ดั่งนั้นในความหมายของเราพอเมื่อไหร่ก็รวยทันที

หยุดความไม่เคยพอ กับดักความรวย

อะไรคือกับดักของเราที่หลงเข้าไปติด ? 
คำตอบที่ตรงประเด็นก็คือความอยากไงครับ อยากโน้นอยากนี่สุดท้ายก็เลยกลายเป็นคนมีหนี้ติดคุกขังลืมด้วยสัญญายินยอมตั้งแต่เริ่มต้นและ ถ้ามัวหลงเพลินไปกับคุณค่าเทียมไม่ใช่แท้อาจไม่มีทางออกหรือพบแต่ทางตันจนขาดสติ ที่นำมากล่าวมีบางช่วงบางตอนของชีวิตที่พลาดพลั้งหลงทางเข้าไปติดกับดักอยู่หลายปีจึงรู้ว่าการเป็นหนี้เปรียบได้เหมือนตกนรกบนดิน คือมีทุกข์มากกว่าสุขอยู่เป็นประจำ กับดักที่ว่าคือหนี้สินที่มีภาระต้องจ่ายอย่าง ผ่อนบ้าน, ผ่อนรถ, ผ่อนเครื่องใช้สอยทั้งที่จำเป็น และไม่จำเป็น, ผ่อนเรื่องสันทนาการ, ผ่อนชำระหนี้ในการลงทุนเป็นต้น ล้วนแล้วเป็นภาระที่ทำให้เราเดินไปถึงเป้าหมายของคำว่ารวย หรือพอได้ช้า ไม่มีโอกาสเลยถ้าไม่กลับตัวคิดใหม่ทำใหม่ ตัดความอยากให้น้อยลงใช้จ่ายอย่างมีเหตุผลก้าวข้ามความเป็นหนี้ให้ได้อย่างเร็ว กระโดดจากฝั่งที่ติดลบมาอยู่ฝั่งที่เป็นบวกถึงจะช้าก็มีความสุขมากกว่าการเป็นหนี้แน่นอน


วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วิธีการออมเงิน หลายแบบที่หลายคนคิดไม่ถึง

วิธีการออมเงิน หลายแบบที่หลายคนคิดไม่ถึง


เมื่อเงินเดือนออก แย้เรามีรวยแล้ว จะรออะไรครับอะไรอร่อยๆ แดรกสิครับ 10 วันผ่านไปเออวันนี้เราขอตัวละกัน ซื้อมะหมี่มาฝากด้วยนะ 10 วันต่อมา มาม่าสิครับรอเชี้ยอะไร ต้มเปล่าก็อะร่อยอย่าบอกใคร ไม่ต้องเติมหมู กุ้ง ไก่ อย่างตามหน้าซอง มันลำบากหายาก เพราะตังค์ไม่มี แล้วอย่างนี้เดือนต่อมาท่านยังจะทำตัวเหมือนเดิมไหม อันนี้ไม่ต้องตอบผม ตอบตัวเอง แล้วถามต่อด้วยคำถามที่ว่า "พร้อมหรือยังที่จะเปลี่ยนตัวเอง"


1. เก็บเฉพาะแบงค์ 50
ว้าว! วิธีออมเงินให้เป็นเศรษฐีย่อยๆ สำหรับนักเรียน นักศึกษา
วิธีนี้เราจะเลือกเก็บเฉพาะแบงค์ 50 บาท บอกกับตัวเองไว้เลย เวลาซื้อของแล้วแม่ค้าทอนเงินมาเป็นแบงค์ 50 เมื่อไหร่ เก็บไว้ทันที ลองเก็บดูจนถึงสิ้นปีแล้วมาดูกัน จำนวนเงินจะมากอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว...
      
       2. เก็บเฉพาะแบงค์ใหม่
ว้าว! วิธีออมเงินให้เป็นเศรษฐีย่อยๆ สำหรับนักเรียน นักศึกษา
คล้ายๆ กับการเลือกเก็บเฉพาะแบงค์ 50 บาท แต่คราวนี้เราเปลี่ยนความตั้งใจใหม่ว่า “ถ้าเจอแบงค์ใหม่เมื่อไหร่ เก็บให้เรียบอย่าเอาไปใช้เด็ดขาด!!!” อาจจะเริ่มจากแบงค์เล็กๆ ก่อนเช่น 20 50 หรือ 100 บาท ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการออมเงิน แต่ถ้าใครสะดวกจะรวมแบงค์ใหญ่ๆ อย่างแบงค์ 500 หรือ 1000 บาท ไปด้วยก็ได้ไม่ว่ากัน
      
       3. เก็บค่าข้าวกลางวันเข้ากระปุกทุกมื้อ
ว้าว! วิธีออมเงินให้เป็นเศรษฐีย่อยๆ สำหรับนักเรียน นักศึกษา
เวลาเราออกไปทานข้าวกลางวันต้องจดไว้เลยว่าวันนี้กินเข้าไปเท่าไหร่ จากนั้นก็จัดเก็บเงินจำนวนนี้เข้ากระปุกโดยพลัน และห้ามเก็บน้อยกว่านี้โดยเด็ดขาด เพราะจำนวนค่าข้าวกลางวันอาจดูไม่เยอะเกินไปเก็บได้สบายๆ แต่ถ้าเก็บครบเดือนแล้วมาดูกันว่ายอดเงินออมค่าข้าวกลางวันนี้จะทำให้คุณยิ้มแก้มปริ
      
       4. แบ่งเงินใส่ถุงสำหรับค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน
ว้าว! วิธีออมเงินให้เป็นเศรษฐีย่อยๆ สำหรับนักเรียน นักศึกษา
เป็นอีกหนึ่งวิธีการออมเงินที่จะช่วยให้คุณวางแผนการใช้เงินล่วงหน้าได้ นั่นก็คือ “การแบ่งเงินใส่ถุง” โดยการคิดคำนวนค่าใช้จ่ายในแต่ละวันว่าต้องใช้วันละเท่าไหร่ แล้วใส่ถุงพลาสติกไว้ จะหนึ่งอาทิตย์หรือหนึ่งเดือนก็ไม่ว่ากัน เวลาจะออกไปข้างนอกก็หยิบไปใช้ 1 ถุง
      
       5. ออมเงินใส่กระปุกท่องเที่ยว
ว้าว! วิธีออมเงินให้เป็นเศรษฐีย่อยๆ สำหรับนักเรียน นักศึกษา
วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ อยากไปเที่ยวไหนหากระปุกมาไว้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ กระบี่ มัลดีฟ ญี่ปุ่น ก็ไปได้ทั้งนั้น เสร็จแล้วแปะป้ายที่ๆ คุณอยากไปไว้แต่ละกระปุก พร้อมกับหยอดเงินใส่ตามกำลังที่เราคิดเฉลี่ยไว้แล้ว รับรองพอถึงเวลาไปเที่ยวจริงๆ คุณก็จะมีเงินสำหรับไปเที่ยวแบบสบายๆ อย่างแน่นอน
      
       6. เก็บเหรียญ แต่ละวันเหลือเหรียญเท่าไหร่หยอดออมสินให้หมด
ว้าว! วิธีออมเงินให้เป็นเศรษฐีย่อยๆ สำหรับนักเรียน นักศึกษา
อย่างแรกที่ต้องเตรียมคือ “กระปุก” ที่ค่อนข้างจะใบใหญ่สักหน่อย สำหรับเอาไว้ใส่เหรียญ ไม่ว่าจะเป็นสำหรับ 1 เดือน หรือ 1 ปีก็ตาม จากนั้นในแต่ละวันเหลือเหรียญที่ใช้เท่าไหร่ก็เก็บมาหยอดกระปุกเท่านั้น หรือจะเลือกเก็บเฉพาะเหรียญ 1 บาท, 5 บาท หรือเหรียญ 10 บาท ตามแต่สะดวกได้เลย
      
และนี่คือเคล็ดลับดีๆ ที่ Life on campus ได้นำมาฝากกัน การออมเงินไม่ใช่เรื่องยาก หากรู้จักเลือกวิธีการออมที่เหมาะกับอุปนิสัยของคุณเอง และผลลัพธ์ที่ตามมาอาจทำให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างสบายขึ้น เพราะคำว่า “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” จะไม่เกิดขึ้นกับผู้ที่รักการออมอย่างแน่นอน...

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การตลาดออนไลน์ กลุ่มกับเพจ ต่างกันยังไง

การตลาดออนไลน์ กลุ่มกับเพจ ต่างกันยังไง 

สังสัยกันไหมระหว่าง กลุ่มกับเพจต่างกันยังไง แล้วเราจะทำการตลาด ควรที่จะโพสแบบไหน แล้วข้อดีข้อเสียมันต่างกันยังไง วันนี้ผมเลยมาแจงให้ท่านๆ ได้ทราบกันว่ามันดีต่างกันอย่างไง แล้วเราจะทำสิ่งไหนก่อนถึงจะดี


ข้อดีของกลุ่มออนไลน์ 
- ทุกคนสามารถโพสได้ (แต่บางกลุ่มไม่เปิดให้สมาชิกโพส)
- โพสมองเห็นหลายคน (ตามจำนวนสมาชิก)
- โพสไม่โดนลบ (นอกจากท่านทำผิดกฏ)
- กระจายข่ายช้า โชว์ที่ฟีดเท่านั้น (หากสมาชิกไม่ได้ติดตามหรือเข้ากลุ่มบ่อยจะไม่แจ้งเตือน)

ข้อดีของเพจ
- เจ้าของเพจเท่านั้นที่โพสได้ หากสมาชิกโพสมจะมาแสดงที่ด้านซ้ายแค่ 3 โพส
- ดีสำหรับเจ้าของเพจ ลูกเพจเห็นทุกคน
- กระจายข่าวได้เร็ว โชว์บนทามไลน์

ทางที่ดี คือทำมันสองอย่าง โพสกลุ่มเพื่อดึงคนเข้าเพจ จะดีที่สุด อิอิ

สำรวจตัวเองก่อนเริ่มทำอะไร จากหนังสือ ชีวิตขีดแดง

สำรวจตัวเองก่อนเริ่มทำอะไร จากหนังสือ ชีวิตขีดแดง
เคยไหมกันที่คิดว่างานประจำที่ทำอยู่มันไม่ใช่งานที่เราอยากทำ แต่เราก็ยังไม่รู้ว่างานอะไรที่เหมาะกับเรา ผมไม่เคยคิดนะว่างานที่ทำอยู่เป็นงานที่ดี แต่ผมคิดว่าในเมื่อที่ทำงานเลือกเราให้มาทำงานก็เพราะว่าเห็นในความสามารถของเราแล้วเราจะทำให้คนที่ไว้ใจเราต้องผิดหวังหรอ มันคงจะไม่ดีแน่หากเป็นเช่นนั้น
นายจ้างเขาให้โอกาสอย่างน้อยเขาก็ต้องมองเห็นอะไรในตัวเราบ้างแหละ แต่หากคุณเองยังไม่รู้ว่าอะไรคืองานที่คุณรัก และอยากทำ คุณก็รักในงานที่ทำอยู่สิ แล้วคุณก็จะมีความสุขในการทำงาน งานให้เงินเงินก็ช่วยให้เราอยู่รอด มีกินมีใช้ แต่มีเก็บนี่คนละเรื่อง แต่ยังไงผมก็คงจะวนเข้าเรื่องมีเก็บอยู่ดี เพราะมันคือ จุดประสงค์หลักของ E-book เล่มนี้
สำรวจตัวเองก่อนเริ่มทำอะไร จากหนังสือ ชีวิตขีดแดง
สำรวจตัวเองก่อนเริ่มทำอะไร จากหนังสือ ชีวิตขีดแดง
มาเริ่มสำรวจตัวเองกันเลย
คุณเงินหมด จนเหลือเพียงตังค์เหรียญใช้เมื่อผ่านไปกี่วันหลังเงินเดือนออก กรณีเงินเดือนออกไม่พร้อมโอที นับจากเงินเดือนออก มีพฤติกรรมดังต่อไปนี้ไหม?
กินหรู อยู่สบาย จ่ายไม่อั้น ตามใจฉันตลอด
ต้นเดือนกินหรู กลางเดือนกินถูก ปลายเดือนไม่มีจะกิน
เงินเดือนหลักหมื่น มีเงินเก็บหลักร้อย
ถ้าเป็นอย่างที่ผมว่ามาข้างต้น ผลการวินิจฉัยด้านการเงินบอกออกมาว่าคุณใช้ “ชีวิตขีดแดง” แล้วละครับ
ชีวิตขีดแดงเป็นอย่างไร
ในที่นี้ผมเปรียบการใช้เงินกับเข็มวัดน้ำมันที่มันถึงขีดแดง เวลาคุณขับรถยนต์คุณเองก็ใจตุ้มๆ ต่อมๆ จะถึงปั้มหน้าไหมอีกนานไหมจะถึงปั้ม ยิ่งไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นชินนี่มันได้ลุ้นตลอดเวลา และในที่นี้การใช้เงินของเราก็เหมือนกัน ลุ้นตั้งแต่ต้นเดือน มันจะถึงเงินเดือนใหม่ออกไหม หรือว่ามันจะหมดก่อน จะทำอย่างไรให้มันอยู่รอด ทำอย่างไรถึงจะใช้เงินจนถึงวันที่ 31 โอ้เดือน ลงท้ายด้วยคมนี่ช่างยาวนาน บางเดือนไม่พอก็ยิบยืมคนนั้นคนนี้มาใช้ หากเป็นอย่างนี้ประจำผมว่ามันไม่สนุกนะ มันหาความสุขไม่ได้ หรือบางคนอาจบอกว่ามันคือสีสันของชีวิตแต่ผมว่าไม่นะ มันคือความท้อแท้ต่างหาก ทำงานดี แต่งตัวดี มีรถขับ แต่ไม่มีจะกิน สิ้นเดือนเดินมาทำงาน ไม่ไหว มันพาให้ท้อใจ เสียเปล่าๆ
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้เออมันก็จริง เห็นด้วย คิดเหมือนกัน จะทำหลายรอบแล้ว แต่เมื่อเงินเดือนออกทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม กลายเป็นวงจรชีวิตของมนุษย์เงินเดือน มีกินอย่างดีต้นเดือน กลางเดือนกินถูก ปลายเดือนไม่มีจะกิน การจ่ายเงินเป็นไปอย่างกะเบียดกระเสียร ไม่เป็นอย่างใจต้องการ ไม่มีความสุข ทุกข์ เครียด กับจำนวนเงินที่เหลืออย่างน้อยนิด บางคนหนักกว่านั้น เพราะว่าเป็นคนมีเครดิต ก็สนุกสิครับ ยืมเงินอนาคตมาใช้ก่อน ได้ของมาเงินก็ไม่ต้องจ่าย สนุกกิน แต่พอมาเห็นบัญชีตอนสั้นเดือนก็บ่นว่าเงินหายไปไหน
สาเหตุหลักๆ ส่วนใหญ่เลยของคนที่เจอปัญหาอย่างที่ว่ามาคือ “บริหารจัดการด้านการเงินผิดพลาด” หรือ “ไม่มีการบริหารจัดการด้านการเงิน” เลยจ่ายในช่วงแรกๆ ที่มีรายได้เข้ามา อย่างไม่ทันได้คิดถึงความจำเป็นต่อการใช้ อาศัยเพียงความอยากแล้วก็จ่าย เรียกว่าจ่ายเพื่อความสบายใจ เท่าไรเท่ากันไม่ได้สนใจ ของเพียงสิ่งที่ได้มานั้นตรงตามความต้องการ ตรงคอนเซ็ปต์ จะรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อเงินไม่เหลือในกระเป๋า
เก็บความทรงจำช่วงที่ลำบากไว้ให้ดีอย่าให้ “ความยิ่งใหญ่ของการจ่ายเงินกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง” โดยลืมไปอย่างสนิทว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร การไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าลำบากแค่ไหน ยังคงกลับเข้าสูวงจรเดิม “กินหรู อยู่สบาย จ่ายไม่อั้น ตามใจฉันตลอด”
ในเมื่อเงินใช้ให้เหลือสิ้นเดือนยังลำบากแล้วเงินเก็บละ ?
แอร้ยยยยยยย! ถามอะไรตอนนี้คือช่วงเวลาของการทำมาหากิน หากนี่คือคำตอบของคุณละก็ ลบไฟล์ทิ้งได้เลยครับ คุณไม่พร้อมที่จะอ่านให้จบบทนี้ และ E-book เล่มนี้ไม่เหมาะกับคุณ
แต่หากเปิดใจและรับได้ว่ามันคือความจริงทำมานานจริงแต่นะ ก็มันเก็บไม่ได้นี่ให้ทำไง แสดงว่าคุณพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่อย่างว่าเงินจะกินให้พ้นเดือนยังยากแล้วเงินเก็บมันจะไปมีได้อย่างไร บางคนทำงานมา 4 ปีเงินเก็บหลักร้อย แต่บางคนทำมาเป็น 10 ปีไม่มีสักบาท มีเงินแค่ใช้เดือนชนเดือน บางเดือนหนักกว่านั้นต้องไปหยิบยืมคนอื่นมาใช้เพื่อที่จะให้รอดถึงเงินเดือนใหม่ หากเป็นอย่างที่ว่ามันคือ “ระบบการจัดการเงินของเรากำลังบกพรองอย่างแรง” หากไม่รีบแก้ไข อาจเป็นปัญหา เมื่อเจ็บป่วย ตกงาน รับรองลำบากแน่
รู้ไหมว่าคนที่ไม่เหลือเงินเก็บ เทียบคนที่เหลือเงินเก็บต่างกันตรงไหน ทั้งที่ทั้งสองกลุ่มก็หาเงิน ประกอบอาชีพเหมือนๆ กัน
– คนที่มีเงินเหลือเก็บ หารายได้มากกว่ารายจ่ายที่ใช้ไป
– คนไม่มีเงินเหลือเก็บ ใช้จ่ายมากกว่าเงินที่หามาได้
เราไม่จำเป็นต้องมีรายได้เป็นแสนเป็นล้านค่อยมีเงินเก็บ แค่มีใช้ไม่ขัดสน ไม่เกิดความทุกข์ในตอนที่ไม่มีรายได้ มีเงินเหลือเก็บออมในบัญชีเผื่อไว้เมื่อมีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง แค่นี้คุณก็จะมีความสุข หลุดพ้นจากมนุษย์ประเภท “สิ้นเดือดเหมือนสิ้นใจ” แล้ว แถมยังมีเงินเก็บในบัญชีให้ยิ้มได้
แล้วจะทำอย่างไรให้พ้นจากสภาพสิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ
อันที่จริงไม่ใช้เรื่องยากแต่อย่างใด มันอยู่ที่คุณตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือเปล่า ถ้าพร้อมละก็ อ่านบทต่อไปได้ แต่ถ้าไม่พร้อมที่จะเปลี่ยน อนุญาตให้ลบ E-book นี้อีกครั้ง
แต่หากพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงบทหน้าผมจะพาเข้าสู่หลักของการเก็บออมอย่างง่ายๆ เพื่อให้ทุกคนกลายเป็นคนที่มีเงินเก็บ และ มีความสุขแต่มันจะได้ผลหรือไม่นั้นผมไม่อาจการันตรีให้ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง
และต้องหาสาเหตุให้ได้ว่า อะไรคือตัวการของเงินไม่พอใช้ ทำไมเราถึงไม่มีเงินเก็บ และเพื่อจะให้มีเงินเก็บเราควรทำอย่างไร
หาสาเหตุ วิธีแก้ไข แล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองไปยังจุดที่ดีกว่า อ้อหลักง่ายๆ
มีรายได้ + วางแผนการใช้เงิน
ใช้หลักเงินเข้ามากกว่าออก
=
มีเงินเก็บ เพิ่มความมั่นคงให้ชีวิต

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หากลุ่ม facebook สำหรับขายของ

วิธีการหากลุ่ม facebook สำหรับขายของ
หากลุ่ม facebook สำหรับขายของ สำหรับคนที่มีสินค้าแต่ไม่รู้ว่าจะขายยังไง หน้าร้านก็ไม่มี วันนี้เรามาสอนท่านแล้ว อ้อไม่ใช่เรื่องยากครับ ขอแต่มีคนรับเข้ากลุ่มเท่านั้นเอง


รวมกลุ่มขายของ Facebook อันดับต้นๆ โพสต์/โปรโมท/ประกาศ ฟรี 11 กลุ่มหลัก ขายของมาแรง คนเยอะมากๆ (ยอดคน 10000 up แล้วจร้า!!!) 
>>>กลุ่มย่อย สำหรับ พ่อค้า/แม่ค้า/บุคคลทั่วไป เชิญเข้ากลุ่มได้เลยครับ
**4กลุ่มย่อยนี้ผมได้แบ่งตามหมวดหลักๆไว้ให้แล้วนะครับ (พ่อค้า/แม่ค้า เข้ากลุ่มให้ถูกนะครับ)
ขอความกรุณาทุกท่านอย่าโพสต์ผิดประเภทของกลุ่ม ทำเพื่อส่วนรวมนะครับ!!!
https://www.facebook.com/groups/ShopFashion
https://www.facebook.com/groups/ForYouShop
https://www.facebook.com/groups/TaradzoneIT
https://www.facebook.com/groups/MotorShop

ถ้าไม่สะใจวันหน้าจะหามาให้เพิ่มนะครับ 

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หลักการการทำธุรกิจเบื้องต้นออนไลน์

หลักการการทำธุรกิจเบื้องต้นออนไลน์

ทุกคนมีพื้นฐานอยู่แล้วว่าเราจะขาย สินค้าอะไรซักอย่างสิ่งแรกเลยที่ต้องมองคือ
แนวโน้มการของลูกค้า ใครจะมาเป็นฐานลูกค้าของเรา ไม่ใช่ว่ารอ มั่ว เหมือนหว่านแห อันนี้มันก็ไม่ใช่
เพราะหากไม่มีแนวโน้มของลูกค้า แล้วเราจะเอามาขายให้ใคร สินค้า ต้องเป็นสินค้า ที่จำหน่ายง่าย ขายคล่อง แล้วจากนั้นค่อยขยายตลาด



หากไม่รู้ว่าจะหาตลาดที่ไหนจะทำยังไง 
ทุกวันนี้นะครับ ตลาดไม่ใช่เรื่องยากนะผมว่า ขอเพียงคุณพึ่งเทคโนโลยี่สักนิดเท่านี้ลูกค้าก็พร้อมที่จะเข้าหาคุณแล้ว ทุกวันนี้หน้าร้านไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่สิ่งจำเป็นคือ สินค้า และแน้วโน้มของลูกค้ามากกว่า

การหากลุ่มลูกค้าในตลาดออนไลน์ 
คุณคงจะรู้จัก บล๊อค เฟสบุ๊ค กูเกิ้ลพลัส ทุกวันนี้เขาใช้เส้นทางพวกนี้ในการขายของ หรือ บางคนใช้ทวิต ไอจี อันนี้หากเรามีเพื่อติดตามเยอะก็เป็นประโยชน์เหมือนกัน

ก็คงจะพอวิเคราะห์กันได้แล้วว่าเราจะหา ตลาดได้ยังไง และสินค้าเรา เหมาะกันใคร ราคาไม่สูงเกินที่คนจะซื้อ หรือว่า เป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม อันนี้ราคาก็คงต้องสูกเป็นธรรมดา คงได้ไอเดรย ได้แนวคิดกันไปมั่ง โพสนี้ก็คงจะขอจบไปเพียงเท่านี้