ความฝันคนเราไม่เท่ากัน ความฝันคนเราไม่เหมือนกัน คุณเริ่มแล้วหรือยัง
ผมเคยคุยกับคนหลากหลากหลายอาชีพ บางคนมีอาชีพที่มั่นคง บางคนอยากเป็นเจ้าของกิจการ บางคนก็เป็นข้าวราชการระดับล่าง ระดับสูง แต่สิ่งที่ทุกคนอยากได้เหมือนกันคือชีวิตที่ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร เป็นนายตัวเอง มีอิสระภาพทางการเงิน บางคนก็ทำได้ บางคนก็เป็นแค่ความฝัน
ผมว่าทุกคนสามารถที่จะทำให้มันเป็นไปได้ แต่ฝันนั้นต้องมีส่วนเป็นไปได้ด้วย อย่าได้ฝันจนเกินความจริง ไม่ใช่ว่ามีเงินเดือน 15000 อยากได้รถราคา 10 ล้านมันก็คงยาก แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ มันมีโอกาศเป็นไปได้อยู่แล้ว ถ้าเราเป็นคนที่ไมท้อ และไม่ยอมแพ้
ผมเจอคนที่เขาฝันและเรียกว่าตอนนี้เขาทำได้แล้ว และอีกประเภทหนึ่งคือฝัน แต่ฝันเรียกได้ว่าฝันแบบลมๆ ไปวันๆ
มาดูกัน ว่าแต่ละคนมีแนวคิดอย่างไร
คนแรกเลย เป็นช่างตัดผม
ผมตัดด้วยจนน่าจะเรียกได้ว่าเป็นช่างประจำไปแล้วก็ได้ เมื่อไปตัดแกก็จะเล้าแนวคิดทางธุระกิจของแกให้ฝัง และสองปีที่ผ่านมาแกก็เริ่มลงมือทำ “ธุระกิจบ้านเช่า” แต่บ้างแกอยู่ชาญเมืองมาก ตอนเริ่มททำ 10 ห้องแรกมัคนถามว่าสร้างไว้อยู่เองหรอ คนละห้องสี่คนพ่อแม่ลูก ที่เหลือไว้เก็บของ ตอนนั้นสังเกตุได้เลยว่าแกเครียด แต่เมื่อสร้างเสร็จ ใครจะคิดละว่า โรงงานที่อยู่อีกอำเภอจะมีสวัสดิการวิ่งผ่าน และก็มีพวกที่หนีความวุ่นวายยอมจ่ายเงิน เดือนละ 2.000 บาท เพื่อหลบมาหาที่สงบ และเป็นส่วนตัว บรรยากาศบ้านนอก และก็เพื่อนๆ มาอีก จนตอนนี้เต็มทุกห้อง และแกก็มีรายได้เป็นเงินเดือนตามที่แกเคยฝันไว้ เดือนละ 20,000 และแกก็ยังเป็นช่างตัดผมที่ขี้โม้ที่สุดเหมือนเดิม
มาดูกัน ว่าแต่ละคนมีแนวคิดอย่างไร
คนแรกเลย เป็นช่างตัดผม
ผมตัดด้วยจนน่าจะเรียกได้ว่าเป็นช่างประจำไปแล้วก็ได้ เมื่อไปตัดแกก็จะเล้าแนวคิดทางธุระกิจของแกให้ฝัง และสองปีที่ผ่านมาแกก็เริ่มลงมือทำ “ธุระกิจบ้านเช่า” แต่บ้างแกอยู่ชาญเมืองมาก ตอนเริ่มททำ 10 ห้องแรกมัคนถามว่าสร้างไว้อยู่เองหรอ คนละห้องสี่คนพ่อแม่ลูก ที่เหลือไว้เก็บของ ตอนนั้นสังเกตุได้เลยว่าแกเครียด แต่เมื่อสร้างเสร็จ ใครจะคิดละว่า โรงงานที่อยู่อีกอำเภอจะมีสวัสดิการวิ่งผ่าน และก็มีพวกที่หนีความวุ่นวายยอมจ่ายเงิน เดือนละ 2.000 บาท เพื่อหลบมาหาที่สงบ และเป็นส่วนตัว บรรยากาศบ้านนอก และก็เพื่อนๆ มาอีก จนตอนนี้เต็มทุกห้อง และแกก็มีรายได้เป็นเงินเดือนตามที่แกเคยฝันไว้ เดือนละ 20,000 และแกก็ยังเป็นช่างตัดผมที่ขี้โม้ที่สุดเหมือนเดิม
คนที่ 2 เป็นราชการระดับสูง
คนนี้เป็นราชการระดับชำนาญงาน คนนี้ไม่ได้หาเงินเองมาตั้งแต่ต้นเหมือนช่างตัดผม แต่เขาใช้วิธีกู้เต็มที่ คือ 60 เท่าของเงินเดือน แต่ข้อดีของราชการคือ จะมีสหกรณ์ที่เป็นที่ให้กู้แต่ไม่ได้ส่งเข้าสำนักเคดิตในช่วงนั้น แกเลยกู้ได้สองทางคือ สหกรณ์ และธนาคาร ที่ละ 60 เท่าของเงินเดือนแต่แก เอาไปลงทุนทำหอพัก ให้นักศึกษาเช่า เดือนละ 4000 บาท จำนวน 15 ห้อง เหลือไว้เอง 1 ห้อง แก็มีเงินที่จะคืนให้กันทั้งสองสถาบันที่ให้กู้ 60000 บาทคือรายได้ต่อเดือนที่แกได้รับ เรียกว่าดีกว่ารายได้ประจำอีก
คนนี้เป็นราชการระดับชำนาญงาน คนนี้ไม่ได้หาเงินเองมาตั้งแต่ต้นเหมือนช่างตัดผม แต่เขาใช้วิธีกู้เต็มที่ คือ 60 เท่าของเงินเดือน แต่ข้อดีของราชการคือ จะมีสหกรณ์ที่เป็นที่ให้กู้แต่ไม่ได้ส่งเข้าสำนักเคดิตในช่วงนั้น แกเลยกู้ได้สองทางคือ สหกรณ์ และธนาคาร ที่ละ 60 เท่าของเงินเดือนแต่แก เอาไปลงทุนทำหอพัก ให้นักศึกษาเช่า เดือนละ 4000 บาท จำนวน 15 ห้อง เหลือไว้เอง 1 ห้อง แก็มีเงินที่จะคืนให้กันทั้งสองสถาบันที่ให้กู้ 60000 บาทคือรายได้ต่อเดือนที่แกได้รับ เรียกว่าดีกว่ารายได้ประจำอีก
คนที่ 3 เป็นคนขับรถในโรงพยาบาล และมีความารู้เรื่องเครื่องยนต์
แกบ่นเงินเดือนไม่พอกิน แต่ด้วยความที่แกเก่งดูรถเป็น ใครจะซื้อรถมือสองนะ มาถามแกนี่ไม่พลาด จนไปดูกตาเจ้าของเต้นท์ ให้เงินเดือนมากกว่าที่ทำงานเดิมแล้วแกก็หายไป เมื่อกลับมาก็เป็นเจ้าของวินรถตู้ มีรถในครอบครอง 3 คัน แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เจอแกมา 4 ปีแล้วไม่รู้ว่าเป็นไงมั่ง
คนสุดท้ายนี่เป็นข้าราชการอาวุโส คนนี้กู้ทุกอย่าง และกู้เต็มวงเงินเหมือนกับคนที่สอง แต่ไม่รู้ว่าแกใช้เงินอย่างไร ตอนนี้เอารถเข้ารีไฟแนท์ รอบ 2 และขายที่ไปแล้ว 12 ไร่ ทั้งที่เป็นที่ที่ซื้อไว้ตั้งแต่สมัยเริ่มทำงาน
ทั้งสี่คนที่ผมเห็นเหมือนกันคือกินเหล้า กินเบียร์ คนที่ 2,3 ไม่สูบบุรี่ เท่านั้นเอง แต่ชีวิตมุมอื่นผมไม่ได้สัมผัส แต่สิ่งที่ผมจะบอกคือ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่เป็นลูกจ้าง ราชการ ประกอบอาชีพอะไร ก็สามารถที่จะทำตามฝันได้หากฝันนั้นไม่เกินจริง สุดท้ายอยากฝากไว้าว่า “คุณพยายามอย่างเตมที่แล้วหรือยัง ก่อนที่จะบอกว่าทำไม่ได้”